วันพฤหัสบดีที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2560

เบอร์มีส

 เบอร์มีส



  แมวเบอร์มีสสมัยใหม่ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์โดย Dr.Joseph Thompson ท่านเป็นหมอประจำการทหารเรือในอเมริกา โดยส่วนตัวท่านชอบเลี้ยงสัตว์และรักแมวมาก จึงได้ทำฟาร์มแมว Siamese ในปี 1926 ซึ่งนำเข้าแมววิเชียรมาศมาจากประเทศไทยในขณะนั้น และในปี 1930 ท่านได้มามาท่องเที่ยวทั่วทวีปเอเซียกับทหารเรือ และได้ไปท่องเที่ยวที่ประเทศพม่า ท่านพบเห็นแมวจรตัวหนึ่งเห็นว่าสวยดี แมวตัวนี้มีสีน้ำตาลเข้ม และมีแต้มเข้มเหมือนกับแมววิเชียรมาศของท่าน จึงนำกลับประเทศอเมริกาและตั้งชื่อว่า วงแมว หรือ วงเมา (Wong Mau) ไม่ทราบที่มาว่าชื่อมาจากไหน 



  เนื่องจากท่านมีพื้นฐานความรู้ เรื่องแมวอยู่แล้ว จึงเริ่มทำการค้นคว้าหาข้อมูลว่า แมวตัวนี้ เป็นแมวสายพันธุ์อะไร เหตุนี้เองจึงเริ่มผสมแมวสายพันธุ์นี้ขึ้น โดยใช้หลักการผสมคือ แมวเบอร์มีส เพศเมีย จากประเทศพม่า ชื่อ วงแมว (Wong Mau) กับแมววิเชียรมาศของไทย เพศผู้ ชื่อ ไทยแมว Taimau และได้ลูกแมวมาเป็นหลากหลายสายพันธุ์และหนึ่งในนั้นเป็นแมวเบอร์มีสสายพันธุ์ใหม่ จึงนำมาผสมกับแมววิเชียรมาศเรื่อยมา จนได้แมวตามสายพันธุ์ที่ต้องการ 


  แต่การนำแมวสายพันธุ์นี้จดทะเบียน ไม่ใช่ตัวท่าน เป็นผู้นำไปจด แต่จะเป็นกลุ่มผู้เพาะพันธุ์แมวเหมือนกันที่เห็นความสำคัญของแมวสายพันธุ์นี้ เป็นผู้นำแมวเบอร์มีสไปจดทะเบียนได้สำเร็จในปี 1953 กับ สถาบัน CFA และสร้างชื่อเสียงให้คนรู้จักแมวสายพันธุ์นี้เป็นจำนวนมาก รวมถึงชาวอเมริกันและชาวยุโรปที่นิยมเลี้ยงแมวสายพันธุ์นี้กันอย่างกว้างขวาง






แมวราเชินบลู

  ราเชินบลู ( Russian Blue)



 ราเชินบลู ( Russian Blue) เป็นชื่อแมวพันธุ์ทางพันธุ์หนึ่ง ที่ลำตัวปกคลุมด้วยสีฟ้าเจือเงิน มีชื่อในด้านฉลาดเฉลียวและชอบเล่นเป็นที่หนึ่ง แต่จะขลาดกลัวคนแปลกหน้ามาก ความสัมพันธ์ระหว่างราเชินบลูกับมนุษย์นั้น ในทางประวัติศาสตร์มีทั้งประเภทอยู่ร่วมกันสันติ และถูกมนุษย์ล่าอย่างหนักเพื่อเอาขนไปทำเสื้อคลุม


   แรกเริ่ม เผยแพร่ไปทางประเทศตะวันตกเพราะเป็นของประทานของพระเจ้าชาร์องค์หนึ่งให้แก่นักการเมืองอังกฤษ จนแพร่หลายต่อมา บางตำนานก็ว่ากะลาสีเรือคนหนึ่งได้เอาแมวชนิดนี้ตัวหนึ่งมา แลกกับขาแกะขาหนึ่งกับเจ้าของอู่เรือ เป็นแมวที่น่ารักและสุภาพเรียบร้อย ลำตัวยาวเรียว หู ใหญ่ปลายแหลม ตาสีเขียว ขนสีฟ้าบริสุทธิ์ปราศจากรอยด่าง พร้อยใดๆและขนสั้นราบเรียบ เป็นเงางามอ่อนนุ่ม ราเชินบลูเป็นสายพันธุ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นที่มาในพอร์ตของ Arkhangelsk



   ครั้งแรกที่มีการบันทึกการแสดงของสายพันธุ์คือในปี 1875 ที่คริสตัลพาเลซในอังกฤษ ราเชินบลูมีการแข่งขันทางสายพันธุ์รวมทั้งแมวสีฟ้าเทาอื่น ๆ จนกระทั่งปี 1912 เมื่อมันถูกกำหนดเป็นสายพันธุ์ของตัวเอง ราเชินบลูได้รับการพัฒนาส่วนใหญ่ในรัสเซียและสแกนดิเนเวีย หลังสงครามโลกครั้งที่2 ไม่ปรากฏชื่อแมวพันธ์ราเชินบลู นำไปสู่การข้ามพันธุ์กับแมวพันธุ์วิเชียรมาศ แม้ว่ารัสซียนบลูจะมีในอเมริกาก่อนที่สงครามจะเกิดขึ้น





วันพุธที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2560

แร็กดอลล์

แร๊กดอลล์ ( Ragdoll )




    แมวพันธุ์แร๊กดอลล์ Ragdoll เป็นแมวขนาดใหญ่ มีขนยาวสวยงาม ดวงตาใหญ่ มีสีฟ้า สีของขนเป็นสีอ่อน หรืออาจมีแต้มสีบนใบหน้า ขา หู และหาง แมว Ragdoll  ถูกพัฒนาโดย Ann Baker นักผสมพันธุ์ชาว แคลิฟอร์เนีย ในปี ค.ศ.1960 โดย แมว Ragdoll ตัวแรกมีชื่อว่า Josephine เป็นแมวที่น่ารัก สุภาพ และมีแต้มสีแบบแมววิเชียรมาศ 




    ทั้งนี้ Josephine แมว Ragdoll ตัวแรก เป็นลูกผสมระหว่าง แมวเปอร์เซีย (Persian Cats) และแมวพันธุ์แองโกร่า (Angora Cats) ซึ่งต่อมาได้มีการพัฒนาสายพันธุ์ แมวแร๊กดอลล์ เรื่อยมา จนกลายเป็น แมว Ragdoll อย่างที่เราเห็นกันในปัจจุบัน






ลักษณะนิสัย แมว Ragdoll

          แมว Ragdoll เป็นแมวที่มีนิสัยขี้อ้อนและติดคนมาก มันมักจะมาต้อนรับคุณถึงที่หน้าประตูบ้านเมื่อคุณกลับมาถึง และติดตามคุณไปทุกแห่ง แมว Ragdoll เป็นแมวเรียบร้อย สุภาพ จงรักภักดี และชอบความเงียบมาก มันสามารถนอนร่วมกับคนได้ อีกทั้ง แมว Ragdoll  เป็นแมวที่เข้ากับเด็ก ๆ ได้ดีและยังเข้ากับสัตว์อื่น เช่น สุนัขได้ดีอีกด้วย
   จุดเด่นอีกเรื่องของ แมว Rag doll เนื่องจากมันเป็นแมวที่มีเสียงร้องนุ่มนวลและเบามาก และแมว Ragdoll ยังมีนิสัยประหลาดคือ เมื่อเวลาที่คนอุ้ม มันจะทิ้งตัวโตงเตงราวกับตุ๊กตาเศษผ้าราวกับไม่มีชีวิต ดูคล้ายอาการเมายา

แมวพันธุ์แร๊กดอลล์ Ragdoll เป็นแมวขนาดใหญ่ มีขนยาวสวยงาม ดวงตาใหญ่ มีสีฟ้า สีของขนเป็นสีอ่อน หรืออาจมีแต้มสีบนใบหน้า ขา หู และหาง แมว Ragdoll  ถูกพัฒนาโดย Ann Baker นักผสมพันธุ์ชาว แคลิฟอร์เนีย ในปี ค.ศ.1960 โดย แมว Ragdoll ตัวแรกมีชื่อว่า Josephine เป็นแมวที่น่ารัก สุภาพ และมีแต้มสีแบบแมววิเชียรมาศ 





          ทั้งนี้ Josephine แมว Ragdoll ตัวแรก เป็นลูกผสมระหว่าง แมวเปอร์เซีย (Persian Cats) และแมวพันธุ์แองโกร่า (Angora Cats) ซึ่งต่อมาได้มีการพัฒนาสายพันธุ์ แมวแร๊กดอลล์ เรื่อยมา จนกลายเป็น แมว Ragdoll อย่างที่เราเห็นกันในปัจจุบัน










วันอาทิตย์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2560

อเมริกัน ช๊อตแฮร์



แมวอเมริกัน ช๊อตแฮร์






แมวอเมริกัน ช๊อตแฮร์ (American shorthair cat)  เป็นแมวที่มีขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ โครงสร้างลำตัวใหญ่โต มีกล้ามเนื้อแข็งแรงเห็นชัดเจน อกใหญ่ ขาใหญ่ ยาวขนาดปานกลาง ใบหูขนาดกลางและขอบเป็นทรงกลมมน หัวรูปไข่แต่มีคางที่ค่อนข้างใหญ่ชัดเจน ดวงตาแมวพันธุ์นี้กลมโต ขอบตาด้านนอกด้านบนจะโค้งลงมา สีของตาเป็นสีเขียว  มีลักษณะสีขนและรูปร่างมากกว่า 80 แบบ มีตั้งแต่ สีน้ำตาล striking tabby ไปจนถึง แมวสีขาวตาสีฟ้าสดใส หรือ shaded silvers สี smoke และสี camero รวมทั้งสี calico van และสีอื่นในระหว่างนี้ แต่สีที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดคือสีsilver tabby โดยจะมีลายสีดำเข้ม พลาดอยู่บนพื้นสีเงิน (ลายเสือ)

   




  แมวอเมริกัน ช๊อตแฮร์ (American shorthair cat) เป็นที่รักใคร่และเป็นมิตรกับเจ้าของมาก นิสัยของมันยังปรับเปลี่ยนให้เข้ากับเจ้าของที่เลี้ยงดูได้  แม้เจ้าพันธุ์อเมริกัน ช็อตแฮร์จะไม่ต้องการเอาใจใส่มากมายแต่มันก็ชอบให้คุณเล่นด้วยนะคะ เพราะมันเป็นแมวที่รักความสนุกสนานกับการเป็นผู้ล่าบางครั้งมันก็ชอบการเล่นไล่จับสัตว์ของมันไปเรื่อย เป็นแมวที่ฉลาดและเต็มใจที่จะฝึก

     แมวอเมริกัน ช๊อตแฮร์ (American shorthair cat) เป็นแมวที่มีสุขภาพดี แต่สายพันธุ์นี้มักจะมีปัญหาโรคหัวใจเพราะฉะนั้นควรเลือกสายพันธุ์ที่ไม่เกิดโรคนี้นะคะเพราะโรคนี้เป็นโรคทางพันธุกรรม  ถ้าคุณเกิดไปได้เจ้าพันธุ์นี้ที่เป็นโรคหัวใจ  ลูก ๆ ของมันต่อไปก็จะเป็นโรคหัวใจเช่นกันค่ะ  การดูแลพื้นฐานก็คือแปรงขนให้มัน ตัดเล็บ และทำความสะอาดใบหูของมันเพื่อให้มันมีสุขภาพดีด้วยนะคะ

     





แมวอเมริกัน ช๊อตแฮร์ (American shorthair cat) เป็นแมวที่ช่างสงสัย นิสัยร่าเริง ชอบเล่นไปเรื่อย ๆ มีเสน่ห์ แต่จะฝึกค่อนข้างยาก ดังนั้น จะต้องคลุกคลีกับแมวให้มาก ๆ ในขณะที่การดูแลก็จะทำเป็นอย่างดี พาไปตรวจสุขภาพและฉีดวัคซีนเป็นประจำ

     ส่วนปัญหาของแมวพันธุ์  แมวอเมริกัน ช๊อตแฮร์ (American shorthair cat) ส่วนใหญ่จะเป็นเชื้อราและเป็นหวัด ถ้าหากเจ้าของให้การดูแลไม่ดีก็จะเลี้ยงลำบาก ส่วนปัญหาเรื่องขนร่วงมีน้อยมาก โดยจะร่วงเฉพาะในช่วงเวลาผลัดขนปีละ 2 ครั้งเท่านั้น











วันเสาร์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2560

สายพันธุ์แมวเหมียว

  สก๊อดติสโฟลด์




    แมวที่มีลักษณะที่มีความแตกต่างไปจากแมวชนิดอื่นๆ  นั้น มีหูที่เป็นเอกลักษณะที่พับไปด้านหน้า  มีขนาดเล็ก ตาโตเหมือนนกฮูก  นั้นก็คือแมวที่มีชื่อว่า “สก๊อตติสโฟลด์” เป็นแมวที่มีถิ่นกำเนิดจากทางประเทศสก๊อตแลนด์  เป็นแมวที่หูพับไปข้างหน้า  เหมือนกับการใส่หมวก หน้ากลม  เป็นแมวที่น่ารักและกำลังเป็นที่นิยมเลี้ยงในปัจจุบัน  แต่บ้านเรานั้นมีราคาค่อนข้างสูงเอาการเลยทีเดียว  และที่สำคัญเป็นแมวที่เลี้ยงง่าย  ดูแลรักษาไม่ยากมีความสงบเสงี่ยม สุภาพเรียบร้อย  สำหรับใครที่ต้องการเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนก็เหมาะสมมากเลย





ลักษณะนิสัย สก๊อตติสโฟลด์เป็นแมวที่เป็นมิตรกับทุกคนมีความอ่อนโยน  เรียบร้อยและสงบไม่ค่อยจะร้อง ขี้เล่น จงรักภักดีกับผู้เป็นเจ้าของ  สามารถที่จะปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้อย่างรวดเร็ว   สามารถที่จะเป็นเพื่อนกับแมวตัวอื่นๆได้ดี   มีความอยากรู้อย่างตามธรรมชาติ  และในบางครั้งเราอาจจะเห็นอยู่ในคริปบ่อยในเรื่องความน่ารักของมันไม่ว่าเป็นการนั่งโดยการเอนหลังเหมือนคนนั่ง  การที่เห็นอะไรหรือว่ารู้สึกผิดปกติมันจะหันหลังและทำตาโตๆ  หรือหากมีการเรียกร้องความสนใจ  อาจจะมีนั่งที่ตักแล้วส่งเสียงร้องเบาๆ  นั้นเป็นการแสดงออกทางหนึ่งของแมวสก๊อตติสโฟลด์  สามารถเลี้ยงไว้กับบ้านที่มีเด็กได้


การเลี้ยงและดูแลรักษา  เป็นแมวที่เลี้ยงไม่ยากสามารถที่จะดูแลรักษาไม่ยากเช่นกัน  หากมีเวลาว่างควรที่จะเล่นกันเพราะเป็นแมวที่ขี้เล่น  ไม่ต้องอาบน้ำให้บ่อยแต่ควรที่จะหวีขนให้อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งเพื่อเป็นการเอาขนที่ตายแล้วออกไป  และเนื่องจากหูที่พับของมันทำให้เกิดการสะสมของสิ่งสกปรกและขี้หู  ควรที่จะทำความสะอาดบ่อยๆ  ให้อาหารที่มีวิตามินและแร่ธาตุสูง  โปรตีนด้วย  หาพื้นที่ให้ออกกำลังกายบ้าง



วันศุกร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2560

แมวไทย

แมวโคราช



        ลักษณะของแมวโคราช แมวโคราชเป็นพันธุ์แท้นั้นจะมีสีสวาดออกเทาเงิน (สีสวาด คือ เม็ดพืชที่เป็นสีเทา อีกความหมายหนึ่งคือ ความรัก) เส้นขนสั้นถึงยาวปานกลาง เป็นเงามันเหลื่อม ถ้าถูกแดดจะออกประกายเข้มสีเทาเงินออกดอกเลา และเป็นเช่นนี้ตั้งแต่เกิดจนตาย ถ้ามีสีอื่นปะปนน่าจะไม่ใช่พันธุ์แท้ 




     รูปร่างของแมวโคราช จะมีขนาดปานกลาง ลำตัวแข็งแรงค่อนข้างกลมกว่าแมวชนิดอื่น โครงกระดูกแข็งแรง หลังโค้ง ขาได้ส่วนกับลำตัว เท้าเป็นรูปไข่ หางยาวปานกลาง ถึงยาวมา โคนหางใหญ่ แล้วค่อยเรียวกลมจนสุดปลายหาง รูปศีรษะเมื่อดูจากด้านหน้าตัวผู้หน้าผากจะมีรอยหยัก กรามใหญ่และแข็งแรง ซึ่งทำให้มองเห็นเป็นรูปหัวใจอย่างเด่นชัด หูใหญ่ตั้งสูงเด่น ดวงตาใหญ่ และเบิกกว้างเป็นประกายแวววาว สีของตาเมื่อเป็นลูกแมวจะเป็นสีฟ้า ครั้นโตขึ้นจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองสดหรือสีเหลืองอมเขียว



       ความเชื่อเกี่ยวกับแมวโคราช   แมวโคราชเป็นแมวแห่งโชคลาภ ผูกพันกับคนไทยมานาน สีขนเป็นสีสวาออกเทาเงิน  หมายถึงสีของเงินและโชคลาภ เป็นแมวที่ใช้ในพิธีแห่นางแมวขอฝน เมื่อเจอฤดูการแห้งแล้ง เชื่อกันว่าสีขนคล้ายสีของเมฆอันเป็นที่มาของฝน ซึ่งสร้างความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ชาวไร่ ชาวนา ตามที่เป็นสีเขียวหรือเหลืองอำพันนั้นเปรียบเสมือนความเขียวขจีของกล้าข้าวในนา 





     แมวโคราชจัดเป็นแมวที่มีลักษณะที่ดี เป็นแมวที่ให้คุณแก่ผู้เลี้ยงดู ดังคำโบราณกล่าวไว้ว่า 'ใครพบเร่งให้อุปถัมภ์ แมวนั้นจักนำซึ่งสุขสวัสดิ์มงคล' และจากตำราดูลักษณะแมวดีในสมุดข่อยโบราณหอสมุดแห่งชาติ



วันอังคารที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

แมวพันธุ์เทอร์คิชแองโกล่า

เทอร์คิชเเองโกล่า



เทอร์คิชแองโกล่า (Terkish Angora)
      Turkish Angora เป็นแมวที่ได้รับการรับรองเมื่อไม่นานมานี้เอง เป็นแมวที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศตุรกี จนกระทั่งมีชื่อเสียงไปทั่วโลก ที่ได้รับชื่อ Angora ต่อท้าย เพราะเนื่องจากเป็นแมวตุรกีขนยาวจากเมืองแองโกรานั่นเอง ในช่วงต้นศตวรรษ แมว Angora ถูกเหมารวมไปกับแมว Persian แต่เมื่อพิสูจน์ได้ว่าเป็นคนละประเภทกัน จึงได้แยกตัวออกมาเป็น Angora


แหล่งที่มา
    Turkish Angora เป็นแมวที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ โดยต้นกำเนิดของแมวพันธุ์นี้อยู่ที่เมืองแองโกลา ประเทศตุรกี โดยมีขนสวยงามเป็นมันเงาเหมือนขนแกะแองโกลา ในปี ค.ศ. 1962 ชายชาวอเมริกันที่ทำงานในสวนสัตว์ Ankara ได้เป็นผู้ค้นพบแมวพันธุ์นี้ จึงได้นำเข้าไปสู่อเมริกา แต่ได้ทำการพัฒนาสายพันธุ์ในอังกฤษ นักผสมพันธุ์ได้ใช้เวลาถึง 45 ปีในการพัฒนาสายพันธุ์ จนกระทั่งได้รับการรับรองจาก CFA ในที่สุด


ลักษณะทั่วไป
  Turkish Angora เป็นแมวที่มีความพิเศษมาก เป็นแมวที่ฉลาดมากสายพันธุ์หนึ่ง และรักเจ้าของมาก เป็นแมวลำตัวยาว หางเล็ก คอสั้น หูตั้ง ลูกนัยน์ตากลมรี ขายาว อุ้งเท้าเล็กค่อนข้างกลมมน สะโพกใหญ่ เมื่อเคลื่อนไหวหางจะกระเพื่อม ขนหน้าท้องดก ที่นิ้วเท้าและปลายหูมีขนเป็นกระจุก ขนสีขาว นัยน์ตาสีน้ำเงินหรืออำพัน อุ้งฝ่าเท้า ริมฝีปาก และสันจมูกเป็นสีชม


วันจันทร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

เมนคูน

เมนคูน




ถิ่นกำเนิด “เมนคูน” 
       จริงๆ แล้วคำว่า “เมนคูน” ตรงกับรากศัพท์ภาษาอังกฤษคำว่า Maine coon มีความหมายมาจาก “เมน” (Maine) คือชื่อของรัฐหนึ่งในสหรัฐอเมริกา ส่วน “คูน” มาจากคำว่าแรคคูน ก็คือตัวแรคคูนนั่นเอง ซึ่งเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งที่เด็กๆ ต่างรู้จักกันดีในภาพยนตร์การ์ตูน ฉะนั้นเมนคูนจึงเป็นแมวสายพันธุ์หนึ่งที่มีถิ่นกำเนิดในรัฐเมน ของประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งไม่ใช่สายพันธุ์เดียวกับแรคคูน เพียงแต่มีลักษณะนิสัยที่คล้ายกันบางอย่างเท่านั้น
      




 ถิ่นกำเนิด “เมนคูน” 
      แมวเมนคูน เกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างแมวบ้านกับแมวป่า ส่วนชื่อ Maine Coon นั้นก็ได้มาจาก แหล่งกำเนิดของเจ้าเหมียวอยู่ที่รัฐ Maine ประเทศสหรัฐอเมริกา ส่วนคำว่า Coon นั้นได้มาจากชาวบ้านท้องถิ่นในสมัยนั้นเชื่อกันว่าที่หางของเจ้าเหมียวเมนคูนเป็นพวงสวยงาม คล้ายเจ้าแรคคูน จึงนำคำว่า coon จากแรคคูนมารวมกัน เป็นที่มาของชื่อ Maine Coon
       


       ด้วยลักษณะเฉพาะของเมนคูนที่น่าสนใจทำให้เจ้าของคิตตี้ ฟาร์ม ผู้มีความรู้เรื่องแมวทุกสายพันธุ์ทั่วโลกและปัจจุบันได้ทำธุรกิจเกี่ยวกับการเพาะพันธุ์แมว ซึ่งเมนคูนเป็น 1 ใน 58 สายพันธุ์แมวทั่วโลกที่เขาบอกว่า “มันใช่แมวที่ฉันต้องการ จากการอ่านหนังสือเกี่ยวกับแมวค่อนข้างเยอะทำให้เราศึกษาแมวทุกสายพันธุ์ที่อยู่ในโลกนี้ เนื่องจากเราต้องเขียนคอลัมน์และบทความที่เกี่ยวกับแมว เราจึงต้องรู้เรื่องแมวให้มาก ฉะนั้นจากการอ่านหนังสือนี่เองทำให้เรารู้จักแมวทุกสายพันธุ์”  นอกจากนี้ เจ้าแมวเมนคูน เริ่มเป็นที่รู้จักและนิยมเลี้ยงไปทั่วโลก จากการบันทึกของ Guinnes World Records เมื่อปี 2010 ซึ่งเป็นแมวเพศผู้ วัดความยาวรวมจากจมูกถึงปลายหางได้ยาวถึง 123 เซนติเมตร และหนักถึง 15.9 กิโลกรัมเลยทีเดียว
       

ลักษณะนิสัย
     หลายๆ ตำรากล่าวไว้ว่าเมนคูนมีลักษณะนิสัยใกล้เคียงกับสุนัขมาก หากเปรียบนิสัยอาจจะคล้ายคลึงกับโกลเด้นรีทริฟเวอร์เลยทีเดียว เนื่องจากไม่กลัวคนแปลกหน้า เป็นสัตว์สังคมชอบอยู่ใกล้ชิดเจ้าของตลอดเวลา และขี้อ้อน นิสัยน่ารักต่างจากหน้าตาและขนาดตัว ที่สำคัญเป็นแมวที่ไม่กลัวการอาบน้ำ





วันอาทิตย์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

แมวเปอร์เซีย






       แมวเปอร์เซีย มีถิ่นกำเนิดอยู่แถบเปอร์เซีย หรือประเทศตุรกี และอิหร่านในปัจจุบัน โดยในปี ค.ศ. 1684 ได้มีการบันทึกลายลักษณ์อักษรเกี่ยวกับที่มาของ แมวเปอร์เซีย หรือแมวเปอร์เซียน (Persian Cats) ว่า พ่อค้าทะเลทราย (หรือที่เรียกว่ากองคาราวาน) ทางแถบๆ ตะวันตกของตุรกีและอิหร่าน มักบรรทุกสินค้ามากมาย อาทิเครื่องเทศ อัญมณี และสินค้ามีค่าอื่น ๆ ซึ่งบางครั้งก็มีแมวขนยาวติดมาด้วย แมวขนยาวนั้นถูกซื้อโดยกะลาสีและได้นำแมวติดไปกับเรือสินค้าเดินทางเข้าทวีปยุโรป ซึ่งหลายปีต่อมาแมวพันธุ์นั้นถูกรู้จักในชื่อ เตอร์กิส แองโกร่า (Turkish Angora)


           ต่อมาในปลายศตวรรษที่ 19 ชาวอังกฤษเริ่มผสมพันธุ์แมวเตอร์กิส แองโกร่า กับแมวสายพันธุ์อื่น และพัฒนาจนได้แมวที่มีขนหนาและยาวกว่าเดิม กระทั่งในที่สุดแมวพันธุ์นี้ก็ได้รับการยอมรับและจดทะเบียนขึ้นที่ประเทศอังกฤษในชื่อว่า Longhair ซึ่งชื่อของมันก็ถูกตั้งขึ้นตามประเทศต้นกำเนิดนั่นเอง 




แมวเปอร์เซีย เป็นแมวที่มีขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ มีกระดูกที่ใหญ่และแข็งแรง หัวและหน้ากลม หน้าผากโหนก แก้มเต็ม ดวงตากลมโต และอยู่ในตำแหน่งที่ห่างกัน มีจมูกที่หัก กล่าวคือ สังเกตได้ชัดเจนเมื่อมองจากด้านข้างจะเห็นจุดหักระหว่างจมูกกับหน้าผากชัดเจน เมื่อมองจากด้านหน้าจะเห็นเป็นขีดอยู่ระหว่างดวงตา
         


    สำหรับแมวเปอร์เซียที่มีลักษณะตรงตามมาตรฐานสายพันธุ์ ควรจะมีจมูกอยู่ในระดับเดียวกับตา โครงสร้างลำตัวสั้น ขาสั้นเตี้ย หูเล็กมีปลายหูที่กลมมน และอยู่ในตำแหน่งที่ห่างกัน หางสั้นและตรง ไม่มีรอยหัก ขนยาวฟู มีท่วงท่าการเดินดูสง่างาม ทั้งนี้ แมวเปอร์เซียในสมัยแรก ๆ มีรูปร่างหน้าตาที่ต่างจากแมวเปอร์เซียในปัจจุบันมากทีเดียว ปัจจุบันมันถูกพัฒนาให้มีรูปร่างที่สั้นขึ้น ขนยาวขึ้น ถูกเปลี่ยนแปลงโครงร่างให้ใหญ่และกลม จมูกสั้นและหักมากขึ้น 

วันศุกร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2560

แมวศุภลักษณ์

      มวเบอร์มีสหรือศุภลักษณ์

 แมวเบอร์มีสทองแดง หรือ ศุภลักษณ์ เป็นพันธุ์แมวบ้านซึ่งกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และมีการพัฒนาในสหรัฐอเมริกา

เดิมแมวเบอร์มีสทุกตัวมีสีน้ำตาลเข้ม แต่ปัจจุบันมีได้หลายสี การรับรองสีอย่างเป็นทางการยังแตกต่างกันไปแล้วแต่มาตรฐาน ทั้งสองสายพันธุ์ต่างเป็นทราบกันว่ามีพื้นฐานอารมณ์ชอบเข้าสังคม ขี้เล่นเป็นเอกลักษณ์และเปล่งเสียงอย่างต่อเนื่อง

   แมวเบอร์มีสสมัยใหม่ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์โดย Dr.Joseph Thompson ท่านเป็นหมอประจำการทหารเรือในอเมริกา โดยส่วนตัวท่านชอบเลี้ยงสัตว์และรักแมวมาก จึงได้ทำฟาร์มแมว Siamese ในปี 1926 ซึ่งนำเข้าแมววิเชียรมาศมาจากประเทศไทยในขณะนั้น และในปี 1930 ท่านได้มามาท่องเที่ยวทั่วทวีปเอเซียกับทหารเรือ และได้ไปท่องเที่ยวที่ประเทศพม่า ท่านพบเห็นแมวจรตัวหนึ่งเห็นว่าสวยดี แมวตัวนี้มีสีน้ำตาลเข้ม และมีแต้มเข้มเหมือนกับแมววิเชียรมาศของท่าน จึงนำกลับประเทศอเมริกาและตั้งชื่อว่า วงแมว หรือ วงเมา (Wong Mau) ไม่ทราบที่มาว่าชื่อมาจากไหน เนื่องจากท่านมีพื้นฐานความรู้ เรื่องแมวอยู่แล้ว จึงเริ่มทำการค้นคว้าหาข้อมูลว่า แมวตัวนี้ เป็นแมวสายพันธุ์อะไร เหตุนี้เองจึงเริ่มผสมแมวสายพันธุ์นี้ขึ้น โดยใช้หลักการผสมคือ แมวเบอร์มีส เพศเมีย จากประเทศพม่า ชื่อ วงแมว (Wong Mau) กับแมววิเชียรมาศของไทย เพศผู้ ชื่อ ไทยแมว Taimau และได้ลูกแมวมาเป็นหลากหลายสายพันธุ์และหนึ่งในนั้นเป็นแมวเบอร์มีสสายพันธุ์ใหม่ จึงนำมาผสมกับแมววิเชียรมาศเรื่อยมา จนได้แมวตามสายพันธุ์ที่ต้องการ 

  แต่การนำแมวสายพันธุ์นี้จดทะเบียน ไม่ใช่ตัวท่าน เป็นผู้นำไปจด แต่จะเป็นกลุ่มผู้เพาะพันธุ์แมวเหมือนกันที่เห็นความสำคัญของแมวสายพันธุ์นี้ เป็นผู้นำแมวเบอร์มีสไปจดทะเบียนได้สำเร็จในปี 1953 กับ สถาบัน CFA และสร้างชื่อเสียงให้คนรู้จักแมวสายพันธุ์นี้เป็นจำนวนมาก รวมถึงชาวอเมริกันและชาวยุโรปที่นิยมเลี้ยงแมวสายพันธุ์นี้กันอย่างกว้างขวาง




วันพุธที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2560

เบงกอล (Bengal)


           แมวเบงกอลนั้นมีจุดเริ่มต้นมาจากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างแมวหลายชนิด อาทิ อะบิสซิเนียน อเมริกันขนสั้น เบอร์มีส อียิปต์เชียนมัวร์ และแมวเสือดาวเอเชีย ในช่วงระหว่างปียุค 60 นั้น บรรดานักวิจัย อาทิ ช็อง มิลส์ในแคลิฟอเนีย ได้ทำการศึกษาโรคต่างๆที่เกิดขึ้นกับแมว เช่น โรคลูคิเมียและโรคมะเร็งชนิดอื่นๆ ระหว่างการทำวิจัยนั้น ก็ค้นพบว่าแมวป่า เช่นสิงโตหรือเสือนั้นมีภูมิต้านทานต่อโรคบางชนิด แมวเสือดาวเอเชียจึงได้ถูกนำมาผสมพันธุ์กับแมวบ้านธรรมดาเพื่อศึกษาว่าระบบภูมิคุ้มกันนั้นมีการทำงานในการต่อต้านโรคเหล่านี้ได้อย่างไร จากนั้นในปี 1963 คุณนายมิลส์ ก็ได้ทำการผสมพันธุ์แมวเสือดาวเอเชียตัวเมียกับแมวบ้านสีดำตัวผู้ ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมานั้นก็คือ ลูกแมวที่มีทั้งสีเดียวล้วนและมีลายจุด ซึ่งต่อมา หนึ่งในลูกแมวลายจุดตัวเมียนั้นก็ได้ถูกนำมาผสมพันธุ์กับแมวที่เป็นพ่อของมัน และลูกที่ออกมาครอกนั้นเป็นลูกแมวลายจุดทั้งหมด ซึ่งตรงนี้เองที่เป็นจุดกำเนิดของแมวเบงกอล


 ด้วยเหตุนี้น้องเหมียวเบงกอลจึงเป็นแมวสายพันธุ์ที่มีเอกลักษณ์เพราะเป็นแมวลายจุดเพียงสายพันธุ์เดียวที่สืบเชื้อสายมาจากแมวป่าขนาดใหญ่ซึ่งก็คือ แมวเสือดาวเอเชีย นอกจากนี้ เป้าหมายในการพัฒนาแมวเบงกอลขึ้นมานั้นก็เพื่อสร้างแมวที่มีลักษณะคล้ายกับบรรพบุรุษของมันซึ่งเป็นแมวป่า แต่สามารถนำมาทำเป็นแมวเลี้ยงได้ น้องเหมียวเบงกอลในปัจจุบันถือได้ว่าเป็นสายพันธุ์ที่มีความพิเศษ น่าสนใจ และสร้างความพึงพอใจแก่ผู้โชคดีที่ได้พบเจอมัน ยิ่งไปกว่านั้น สีสันและลวดลายที่งดงามของมันนั้นทำให้มันเป็นสายพันธุ์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์โดดเด่น น้องเหมียวอารมณ์ดีสายพันธุ์นี้ยังเหมาะสมกับผู้เลี้ยงเกือบทุกประเภทและอยู่ได้เกือบทุกสถานการณ์อีกด้วย


    แต่ต้องจำไว้อย่างว่าแมวเบงกอลเป็นแมวที่ซุกซน กระตือรือร้น และขี้เล่นมาก และยังชอบทำตัวเป็นเจ้านายเสียด้วย ดังนั้นก็ควรมีใครที่สามารถดูแลและรับมือเจ้าเหมียวสายพันธุ์นี้ได้อย่างเหมาะสม! นอกจากนี้ แมวเบงกอลยังเฉลียวฉลาด และสอนพวกคำสั่งพื้นฐานได้ง่าย คุณสามารถปล่อยให้พวกมันเดินนำไปได้เลย เพราะพอเรียก มันก็จะมาหาคุณเองทันที เหมือนกับแมวตัวอื่นๆที่มาหาเจ้าของอย่างกับมี “โทรจิต” นั่นเอง ถ้าคุณอยากเลี้ยงแมวที่เป็นมิตร น่ารักน่าชัง และมีประวัติความเป็นมาที่ไม่เหมือนใครแล้วล่ะก็ อย่าได้มองข้ามน้องเหมียวอัศจรรย์พันธุ์นี้เด็ดขาด


เบอร์มีส

  เบอร์มีส   แมวเบอร์มีสสมัยใหม่ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์โดย Dr.Joseph Thompson ท่านเป็นหมอประจำการทหารเรือในอเมริกา โดยส่วนตัวท่าน...